วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2550

อีกมุมในวันว่าง

อาทิตย์รุ่งตะวันรอทอแสงจ้า
วันเวลาที่เปลี่ยนผันกับวันใหม่
รอไออุ่นจากความเหงาที่ยาวไกล
มีไหมใครช่วยกล่อมเกลาให้เบาบาง
แค่เศษเสี้ยวของใจช่วยคลายเหงา
ช่วยบรรเทาความเดียวดายใจที่หมอง
คำปลอบโยนบางเบาก็ยัง.......ปอง
แค่เธอมอง....เสี้ยวนาทีที่มีใจ
แค่.......อารมณ์เหงาในบางครั้ง

วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2550

อย่าปล่อยให้ใจเหงา

หากแต่การจากลาของใครบางคนทำให้คุณอ่อนแอนั้นโปรดเข้าใจไหมเสียว่าคุณอ่อนแอตั้งแต่มีเขาเคียงข้างกายแล้วแค่วันนี้คุณไม่มีใครให้พักพิง................ในเมื่อเขาทิ้งคุณไปแล้วไม่แปลกหากน้ำตาที่ไหลรินทำนบน้ำตาที่พังทลายกับหัวใจที่สลายจนสิ้นไปเพราะใครบางคนที่ทิ้งเราไปในวันนี้ทำให้คุณรู้สึกสูญสิ้นทุกอย่างไปเป็นเพราะคุณได้นำทุกอย่างให้เขาไปต่างหากล่ะในตอนนี้คุณคงทำได้เพียงนั่งร้องไห้จนคิดว่าน้ำตามีไม่เพียงพอให้ไหลรินจนหมดใจนอกจากน้ำตาที่มันจะกัดเซาะบาดแผลในใจของคุณให้ลุกลามแล้วมันยังเป็นน้ำกรดราดรดลงไปในใจคนรอบข้างที่รักคุณอีกด้วยไม่ใช่เพียงคุณคนเดียวที่เสียใจและเจ็บปวดยังมีอีกคนที่เจ็บปวดไปพร้อมกับคุณ.......ลืมตาขึ้นสิ.......คุณจะมองเห็น "คนที่รักคุณ"ที่ยืนเฝ้ามองคุณอยุ่ห่างๆอย่างห่วงใย นอกห้องออกไปนอกห้องที่คุณขังตัวเองไว้เนิ่นนานเขาพร้อมจะซับน้ำตาคุณทันทีที่คุณเอ่ยปากคนที่ยอมรับการตัดสินใจของคุณอย่างเจ็บปวดคนที่ใช้สองมือรองรับน้ำตาอย่างอาทรและพร้อมใช้ไหล่กว้างซับผ่าน.......ให้ไหลลึกลงไปสู่หัวใจแต่ "คนที่ทำร้ายคุณ" กำลังปล่อยมือช้าๆและก้าวออกห่างคุณอยู่เลยๆคนที่กำลังก้าวข้ามน้ำตาคุณไปอย่างรังเกียจคนที่เห็นน้ำตาคุณเป็นเพียงหยาดน้ำคนที่ไม่รับรู้เสียงสะอื้นที่เธอร่ำไห้ในขณะที่คนที่รักคุณจับมือคุณอย่างอ่อนโยน เข้าใจและเจ็บปวดอยู่ข้างๆคุณคุณคงต้องเลือกแล้ว.....................ระหว่างหัวใจที่ยังมีอยู่ กับ หัวใจที่ไม่มีคุณ
ที่มา :http://www.oknation.net/blog/aoffen/2007/12/19/entry-5


เป็นเพียงดอกหญ้า....ที่ไม่ยอมโรยรา...
ภายใต้แสงตะวัน
เค้าบอกว่าการที่เราเป็นต้นหญ้า ปลิวไหวไปตามแรงลม
ถึงไม่ได้ใหญ่โต สูงเสียดฟ้า แต่เรามีคุณค่าในตัวเอง
เราโอนอ่อนผ่อนปรน ไปตามสถานการณ์ นั่นละที่ทำให้เราอยู่ได้
ถ้าเราเป็นไม้ใหญ่ โต้แดด ฝน ลมแรง ก้อเสี่ยงภัยกับการโค่นหัก ล้มลงได้
นั่นซินะ ขอเป็นดอกหญ้า ยอดหญ้า ที่ไม่หวั้นไหวต่อแสงแดด และแรงลมดีกว่า....
ที่มา:http://www.oknation.net/blog/Plaifah/2007/12/19/entry-1















วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ในหลวงกับเทคโนโลยี






1. ไบโอดีเซล” จากปาล์มประกอบอาหารสู่เชื้อเพลิงเครื่องยนต์
ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นผู้นำทางด้านการพัฒนาพลังงานทดแทนผ่านโครงการส่วนพระองค์มาตั้งแต่ปี 2522 โดยมีโครงการผลิตแก๊สชีวภาพ เอทานอล แก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซลจากปาล์ม ซึ่งในส่วนของพระราชดำริด้านการพัฒนาน้ำมันปาล์มเพื่อใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลนั้น การพัฒนาไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์มในชื่อ “การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล” ได้จดสิทธิบัตรที่กระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2544 อีกทั้งในปี 2546 ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลจาก “โครงการน้ำมันไบโอดีเซลสูตรสกัดจากน้ำมันปาล์ม” ในงาน “บรัสเซลส์ ยูเรกา” ซึ่งเป็นงานแสดงสิ่งประดิษฐ์ใหม่ของโลกวิทยาศาสตร์ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ทั้งนี้ปาล์มเป็นพืชที่ให้ปริมาณน้ำมันต่อพื้นที่ปลูกสูง อีกทั้งเกษตรกรสามารถผลิตใช้เองได้ภายในประเทศ ซึ่งจะใช้ทดแทนการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศได้





2. ทฤษฎี "แกล้งดิน" อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ ฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรในเขตจังหวัดนราธิวาส ในปี พ.ศ. 2524 ทรงพบว่า หลังจากมีการชักน้ำออกจากพื้นที่พรุเพื่อจะได้มีพื้นที่ใช้ทำการเกษตรและเป็นการบรรเทาอุทกภัยนั้น ปรากฎว่าดินในพื้นที่พรุแปรสภาพเป็นดินเปรี้ยวจัด ทำให้เพาะปลูกไม่ได้ผล จึงมีพระราชดำริให้ส่วนราชการต่าง ๆ พิจารณาหาแนวทางในการปรับปรุงพื้นที่พรุที่มีน้ำแช่ขังตลอดปีให้เกิดประโยชน์ในทางการเกษตรมากที่สุดและให้คำนึงถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ด้วยการแปรสภาพเป็นดินเปรี้ยวจัด เนื่องจากดินมีลักษณะเป็นเศษอินทรีย์วัตถุหรือซากพืชเน่าเปื่อย อยู่ข้างบนและมีระดับความลึก 1-2 เมตรเป็นดินเลนสีเทาปนน้ำเงิน ซึ่งมีสารประกอบกำมะถัน ที่เรียกว่า สารประกอบไพไรท์ (Pyrite : FeS2) อยู่มาก ดังนั้นเมื่อดินแห้ง สารไพไรท์จะทำปฏิกิริยากับอากาศปลดปล่อยกรดกำมะถันออกมา ทำให้ดินแปรสภาพเป็นดินกรดจัดหรือเปรี้ยวจัด ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่อง มาจากพระราชดำริ จึงได้ดำเนินการสนองพระราชดำริโครงการ "แกล้งดิน" เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงความเป็นกรดของดิน เริ่มจากวิธีการ "แกล้งดินให้เปรี้ยว" ด้วยการทำให้ดินแห้งและเปียกสลับกันไป เพื่อเร่งปฏิกิริยาทางเคมีของดิน ซึ่งจะไปกระตุ้นให้สารไพไรท์ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ ปลดปล่อยกรดกำมะถันออกมา ทำให้ดินเป็นกรดจัดจนถึงขั้น "แกล้งดินให้เปรี้ยวสุดขีด" จนกระทั่งถึงจุดที่พืชไม่สามารถเจริญงอกงามได้จากนั้นจึงหาวิธีการปรับปรุงดินดังกล่าวให้สามารถปลูกพืชได้











3.พระไตรปิฎกฉบับคอมพิวเตอร์

ในส่วนที่เกี่ยวกับศาสนานั้น ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ บริจาคทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 1,472,900 บาท ในเดือนพฤษภาคม 2534 ให้มหาวิทยาลัยมหิดล จัดทำโครงการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาพระไตรปิฎก และอรรถกถาต่อเนื่องจากโครงการพระไตรปิฎกฉบับคอมพิวเตอร์เดิม ที่มหาวิทยาลัยมหิดลพัฒนาเสร็จแล้ว และได้ทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสรัชมังคลาภิเษก 2 กรกฎาคม 2531 ทรงเห็นว่าโครงการนี้ควรได้รวบรวมเอาชุดอรรถกถาและฎีกาเข้าไว้ด้วยกัน นับเป็นโครงการที่นำวิทยาการชั้นสูงมาประยุกต์ใช้กับข้อมูลเนื้อหาทางด้านพุทธศาสนา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงศึกษาพระไตรปิฎกและอรรถกถาฉบับคอมพิวเตอร์นี้ด้วยพระองค์เอง และมีพระบรมราชวินิจฉัย และพระราชวิจารณ์ในการออกแบบโปรแกรมสำหรับใช้ในการสืบค้นข้อมูลในฐานะแห่งองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก การครั้งนี้กล่าวได้ว่า เป็นการสืบต่อพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนยาวนานสืบไปในอนาคตกาล



ที่มา